เริ่มต้นที่เน้นความสำคัญด้านขนส่ง ด้านคลังสินค้า ซึ่งประเทศไทยอยู่ที่ระดับนี้ ขณะที่มาเลเซีย จะอยู่ในระดับที่ดีกว่าไทยคือ ระดับที่เป็น internally integrated logistics ซึ่งมีการใช้ระบบสารสนเทศโลจิสติกส์และระบบ IT มา ใช้ในการจัดการ และเน้นเรื่อง JIT Delivery คือ การส่งมอบแบบทันเวลา ซึ่งทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์เหลือประมาณ 13-15% ประเทศออสเตรียก็จะอยู่ในระดับนี้ส่วนระดับ external integrated logistics ซึ่งเป็นระดับที่มีการประยุกต์ใช้ supply chain และการขนส่งเป็นลักษณะ modal shift คือ เน้นการขนส่งทางรางหรือทางน้ำ ซึ่งทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์จะอยู่ที่ประมาณ 10-13% สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป หรือสิงคโปร์ จะอยู่ในขั้น global logistics คือเป็นขั้นที่มีระบบเชื่อมโยงเครือข่ายในระดับโลก และพัฒนาจนเกิด value creation คือการสร้างเสริมคุณค่าในกระบวนการผลิต ในตัวสินค้า หรือ brand name รวมถึงงานบริการต่างๆ ที่เป็น service sector ซึ่งทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์อยู่
ในระดับ 7-10% และจากตัวเลขของธนาคารโลก ประมาณว่า การลดต้นทุนขนส่งเพียงร้อยละ 1 จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้ถึงร้อยละ 5 และสามารถเพิ่ม GDP ได้ถึงร้อยละ 1.5%
ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ไทยต้องปรับตัว เพราะจีนมีต้นทุนทั้งค่าแรงและวัตถุดิบที่ต่ำกว่าไทย สินค้าหลายรายการคงต้องหลบให้กับจีน อย่างไรก็ดี ข้อตกลง FTA “มีทั้งคนได้ และคนเสีย” อยู่ที่ว่าจะจัดการอย่างไรเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทั้งในภาคการผลิตและภาคผู้ให้บริการ ในการที่จะให้มีศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเร่งพัฒนาผู้ให้บริการโลจิสติกส์ของคนไทย โดยให้ภาครัฐให้การส่งเสริมพัฒนาโดยเร็วและเร่งด่วน เพราะปัจจุบันไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะสนับสนุนในด้านนี้ ซึ่งรัฐจะต้องมาสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่เกือบทั้งหมดเป็น SMEs ให้มีความเข้มแข็งทั้งด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศ การตลาด และทุน ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ไทยต้องปรับตัว เพราะจีนมีต้นทุนทั้งค่าแรงและวัตถุดิบที่ต่ำกว่าไทย สินค้าหลายรายการคงต้องหลบให้กับจีน อย่างไรก็ดี ข้อตกลง FTA “มีทั้งคนได้ และคนเสีย” อยู่ที่ว่าจะจัดการอย่างไรเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทั้งในภาคการผลิตและภาคผู้ให้บริการ ในการที่จะให้มีศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเร่งพัฒนาผู้ให้บริการโลจิสติกส์ของคนไทย โดยให้ภาครัฐให้การส่งเสริมพัฒนาโดยเร็วและเร่งด่วน เพราะปัจจุบันไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะสนับสนุนในด้านนี้ ซึ่งรัฐจะต้องมาสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่เกือบทั้งหมดเป็น SMEs ให้มีความเข้มแข็งทั้งด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศ การตลาด และทุน
ที่มา : http://www.logisticsdigest.com/