A-GPS ย่อมาจาก Assisted GPS จะเป็น GPS (Global Positioning System) ที่ต้องมีข้อมูลสนับสนุนผ่านระบบ GPRS (General Package Radio Service) ซึ่งจะเป็นการรับส่งข้อมูลโดยอาศัยเครือข่ายระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ แทนการรับข้อมูลจากดาวเทียม GPS เพียงอย่างเดียว ที่อาจจะใช้เวลานานและไม่สามารถรับสัญญาณได้ในสถานที่ที่มีข้อจำกัดเพิ่มขึ้น เช่น ภายในตัวอาคาร หรือจุดอับสัญญาณ GPS ต่างๆ
หลักการทำงานของ A-GPS มีดังนี้
1. สนับสนุนข้อมูลวงจรและเวลาปัจจุบันผ่านระบบ GPRS
ปกติแล้วอุปกรณ์รับสัญญาณ GPS จะต้องรับข้อมูลต่างๆจากสัญญาณที่ส่งจากดาวเทียม GPS โดยตรง ซึ่งใช้เวลานาน ภายหลังจึงพัฒนา A-GPS ขึ้น ซึ่งจะเปลี่ยนการรับส่งข้อมูลทั้งหมดให้ผ่าน GPRS โดยข้อมูลจะได้มาจาก GPS Base Station ซึ่งคอยรับข้อมูลปัจจุบันและเวลาจากดาวเทียม GPS โดยตรง การใช้งานผ่านส่วนนี้จะทำให้อุปกรณ์สามารถรับสัญญาณได้รวดเร็ว เพราะอุปกรณ์รับ GPS สามารถรับข้อมูลจากทั้ง 2 ทาง การรับข้อมูลผ่านเครือข่าย GPRS จะสามารถรับข้อมูลได้เร็วกว่าข้อมูลจากดาวเทียม GPS มาก
2. รับข้อมูลตำแหน่งคร่าวๆจาก GPRS
นอกจากจะได้ข้อมูลที่จำเป็นในการหาตำแหน่งของอุปกรณ์รับสัญญาณ GPS ผ่านเครือข่าย GPRS แล้ว ระบบ GPRS จะส่งข้อมูลเพื่อบอกตำแหน่งคร่าวๆให้กับอุปกรณ์รับสัญญาณ GPS ได้อีกด้วย เพราะอุปกรณ์จะต้องอยู่ในรัศมีที่ทำการของ Cell Phone Location ทำให้อุปกรณ์รับสัญญาณ GPS สามารถที่จะรู้ตำแหน่งของตัวเองคร่าวๆก่อนที่จะรับสัญญาณจากดาวเทียม GPS ได้เสียอีก ทำให้การประมวลผลเพื่อหาตำแหน่งอย่างละเอียดนั้น ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
จากเหตุผลที่กล่าวมา ทำให้เทคโนโลยี A-GPS สามารถทำงานได้เร็วกว่าการรับสัญญาณ GPS ทั่วไป 5-10 เท่า โดยใช้เวลาไม่ถึง 3 วินาที แต่อย่างไรก็ตามเทคโนโลยี A-GPS ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง ดังนี้
1. เทคโนโลยี A-GPS ไม่ใช่ของฟรี
หากต้องการจะใช้เทคโนโลยี A-GPS ให้กับอุปกรณ์รับสัญญาณ GPS นั้น ที่ส่วนใหญ่จะเป็นสมาร์ทโฟน ก็จำเป็นต้องเปิดบริการ GPRS หรือ EDGE กับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ซึ่งก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเข้ามาในส่วนนี้
2. มีพื้นที่การให้บริการที่จำกัด
การให้บริการ A-GPS จะสามารถใช้งานได้ในที่ที่มีสัญญาณของเครือข่ายโทรศัพท์เท่านั้น ดังนั้นหากจะซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่องเพื่อมาใช้นำทางในการเดินป่าก็คงจะไม่เหมาะสมนัก เพราะมันจะกลายเป็นแค่ GPS ธรรมดา
