การติดตามรถหรือยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งสินค้าและบริการเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในวงการธุรกิจ แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงการจัดการรถหรือยานพาหนะให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งนอกจากจะผลดีต่อภาคธุรกิจแล้ว ยังมีประโยชน์ในการควบคุมการใช้รถใช้ถนนร่วมกันของแต่ละฝ่าย ให้มีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย
1. อากาศพลศาสตร์ของรถ
การมีอากาศพลศาสตร์ที่ไม่ถูกหลักของรถหรือยานพาหนะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้รถมีอัตราการบริโภคน้ำมันสูงขึ้น โดยเฉพาะการใช้รถในการเดินทางเป็นระยะทางไกล เนื่องจากหากมีค่าความต้านทานอากาศมากจะทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการฉุดรถเพื่อให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ดังนั้นจะส่งผลให้มีความสิ้นเปลืองของพลังงานเชื้อเพลิงมากขึ้น เปรียบเทียบให้เห็นง่ายๆก็เหมือนกับการที่คุณปั่นจากยานต้านลม คุณจะรู้สึกเหนื่อยและต้องใช้แรงมากขึ้นกว่าการที่ต้องปั่นจักรยานตามทางลม
2. เปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้ตรงตามกำหนด
การทำกำหนดเวลาหรือตารางสำหรับเปลี่ยนน้ำมันเครื่องจะเป็นการป้องกันชิ้นอะไหล่ส่วนภายในเครื่องยนต์ให้สามารถใช้งานไปได้อีกอีกยาว เป็นการช่วยคุณเซฟค่าใช้จ่ายที่อาจจะต้องเสียไปกับการซ่อมรถของคุณในอนาคต ไม่เพียงแค่เท่านี้ คุณรู้หรือไม่ว่าคุณภาพของน้ำเครื่องมันมีผลต่ออัตราการบริโภคน้ำมันด้วย ถ้าน้ำมันเครื่องไม่มีประสิทธิภาพแล้วหรือประสิทธิภาพลดลงจากการใช้งานมากกว่าระยะที่กำหนด จะทำให้คุณสมบัติในการหล่อลื่นต่ำลง เป็นผลให้เกิดแรงเสียดทานและความร้อนสูงขึ้นภายในเครื่องยนต์ และผลต่อมาก็จะทำให้เครื่องยนต์ชำรุดเสียหายได้ โดยการทำกำหนดเวลาหรือตารางสำหรับเปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้เป็นไปตามระยะเวลาการใช้งาน จะช่วยให้เครื่องยนต์สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน
3. แรงดันลมยาง
ลองจินตนาการภาพคุณปั่นจักรยานที่ยางแบนลองดู คุณจะเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการปั่นจักรยานที่ยางแบน ในรถยนต์ก็เช่นเดียวกัน ต้องหมั่นเช็คให้แรงดันลมยางของรถคุณตรงตามมาตรฐานอยู่ตลอด การใช้รถในการเดินทางด้วยแรงดันลมยางมาตรฐาน(ตามสเปคของรถแต่ละคัน) จะช่วยลดแรงเสียดทานในการเคลื่อนที่มากกว่าแรงดันลมยางที่อ่อนเกินไป และแรงดันลมยางที่อ่อนเกินไปยังทำให้เปลืองน้ำมันอีกด้วย โดยแรงดันลมยางจะเพิ่มขึ้น 1 ปอนด์ ทุกๆ 10 ฟาเรนไฮต์(ประมาณ 5.5 องศาเซลเซียส) และในทางกลับกันถ้าหากอุณหภูมิภายนอกต่ำลง ก็ควรเพิ่มแรงดันในลมยางเพื่อให้แรงดันลมยางอยู่ในระดับมาตรฐานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานรถและอัตราการบริโภคน้ำมัน
4. ลดการใช้เอกสารและกระดาษ
อีกทางหนึ่งในการลดค่าใช้จ่ายและเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการระบบรถหรือยานพาหนะก็คือการใช้และจัดเก็บข้อมูลทุกอย่างที่เป็นดิจิทัล แม้จะยังมีข้อมูลบางอย่างที่ยังต้องเก็บเป็นเอกสารอยู่ แต่ข้อมูลส่วนอื่นๆหากสามารถเปลี่ยนจากการเก็บในรูปเอกสารหรือกระดาษต่างๆมาเป็นข้อมูลแบบดิจิทัลได้ก็จะลดค่าใช้จ่ายไปได้อีกมาก ทั้งการลดค่าใช้จ่ายในการพิมพ์ ค่ากระดาษ และยังช่วยเพิ่มความเร็วในการทำงานขององค์กรอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการลดความวุ่นวายและลดการใช้พื้นที่ในการจัดเก็บเอกสารลง เป็นการเพิ่มสภาพแวดล้อมการทำงานให้สะอาด รื่นรมย์ ขึ้นด้วย
5. การจัดการรถหรือยานพาหนะที่ดี
สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้รถหรือยานพาหนะให้ทันท่วงที เพื่อหลีกเลี่ยงและป้องกันความเสียหายอาจจะเกิดขึ้น การจัดการในเรื่องนี้จะจัดการปัญหาการใช้งานรถที่หนักและเป็นระยะยาวเกินไป กำจัดการใช้เอกสารต่างๆที่มีมากเกินไป เพิ่มความปลอดภัยของผู้ขับขี่(อย่างน้อยๆก็เป็นการเซฟค่าใช้จ่ายไปกับการประกัน ถ้าหากเกิดเหตุขึ้น) ช่วยควบคุมพฤติกกรรมการขับรถของคนขับให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น และปรับปรุงขั้นตอนการทำงานต่างๆ(ลดการใช้เวลา และรายจ่ายที่เสียไป)