ภาพ: http://www.indiantelecomnews.com/
เป็นที่รู้กันดีและข่าวใหญ่ของช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า DTAC กำลังจะหมดสัมปทานของคลื่นความถี่ 2G ทำให้การใช้งานของลูกค้าหลายๆรายนั่น ได้รับผลกระทบไปตามๆกันด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะมาแยกความแตกต่างให้ทราบว่าจริงๆแล้ว ทำไม 2G กับ 3G ต่างกันอย่างไร
2G เป็นเทคโนโลยีที่ทำงานแบบ Time Division Multiple Access(TDMA) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่าที่ต้องจัดสีวงจรให้กับผู้ใช้งานตายตัว ไม่สามารถนำทรัพยากรเครือข่ายมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เทคโนโลยีนี้เหมาะกับการส่งข้อมูลเป็นข้อมูลแบบ Voice ที่ต้องการคุณภาพและความคมชัดในการสนทนา แต่เทคโนโลยี 3G ถูกพัฒนาเพื่อมาเพิ่มความคล่องตัวให้กับการใช้แบบ Non-Voice อย่างเต็มรูปแบบ และยังให้คุณภาพแบบ Voice ได้ดีเท่าหรือมากกว่าแบบเทคโนโลยีแบบ 2G
3G มีช่องสัญญาณ ความถี่ และความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่า ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูล รวมทั้งระบบเสียงดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้บริการมัลติมีเดียได้เต็มที่ เช่น การส่งแฟกซ์, โทรศัพท์ระหว่างประเทศ, รับ-ส่งข้อความที่มีขนาดใหญ่, ประชุมทางไกลผ่านจอ และอีกหลายๆอย่าง ทั้งการเชื่อมต่อกับเครือข่ายข้อมูลอินเทอร์เน็ต เนื่องจากมาตรฐานการเชื่อมต่อต่างๆสอดรับกับมาตรฐานของอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน
ตารางเปรียบเทียบข้อแตกต่าง
รายการ
โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่1
โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่2
โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่3 (3G)
ระบบ
อนาล็อค
ดิจิทัล
การรรับส่งข้อมูล(Data)
ไม่ได้
ได้
ได้ ด้วยความเร็วสูงและสามารถต่อกับคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้แทน ADSL ได้
Application
ใช้เฉพาะ Voice และ SMS
ใช้เฉพาะ Voice, SMS และ Internet
ใช้ Voice, SMS, Internet และ Multimedia
การใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ
ใช้ WAP ได้แต่ไม่รองรับ การใช้งานแบบ Multimedia
ใช้ WAP ได้และรองรับการใช้งานแบบ Multimedia
การใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีอื่นๆ
เข้ากับ 3G ไม่ได้
ใช้งานร่วมได้กับทุกเทคโนโลยี
การรบกวนสัญญาณ
มาก
ปานกลาง
ต่ำ
การใช้งานต่างประเทศ
ใช้ได้ทั่วโลก (Roaming)
ข้อมูล: https://www.tot3g.net/
ทดลองใช้ฟรี
All Download