เทคนิคง่ายๆในการดูแลรถให้เป็นพิเศษหลังจากขับตากฝน

เทคนิคง่ายๆในการดูแลรถให้เป็นพิเศษหลังจากขับตากฝน

            ในช่วงจะเข้าหน้าฝนเช่นนี้ ก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่รถของเราต้องขับตากฝนเป็นธรรมดา และฝนตกก็ทำให้รถเปื้อน รวมทั้งคราบต่างๆที่ทิ้งไว้ ทำให้ดูแล้วไม่สะอาดตา ซึ่งหลายๆคนอาจจะคิดว่าคราบพวกนี้ไม่เป็นอะไร รอให้หมดฝนไปก่อนค่อยล้างทีเดียว ซึ่งความเข้าใจเช่นนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกนัก เพราะน้ำฝนและคราบรอยเปื้อนต่างๆหลังจากที่ฝนตกนั้น อาจจะทำให้เกิดปัญหากับรถของพวกเราได้เช่นกัน ยิ่งทิ้งไว้นานยิ่งไม่เป็นผลดี แลtวันนี้มาดูวิธีในการปฏิบัติต่อรถหลังจากที่ขับตากฝนมากัน

1. อย่าเช็ดรถทันทีหลังจากขับตากฝนมา

            หลายๆคนพยายามรีบเช็ดรถทันทีหลังจากขับรถผ่านฝนมาหมาดๆ เพื่อขจัดคราบสกปรกต่างๆ แต่จริงๆแล้วการทำเช่นนี้ก็ไม่ถูกเสมอไป เพราะว่าหลังจากที่เราขับรถผ่านฝนมาใหม่นั้นจะยังมีเศษของทราย ดิน หรือกรวดต่างๆที่ยังติดอยู่กับผิวของรถ และถ้าหากเราไปเช็ดรถตั้งแต่ตอนนี้ เศษเล็กๆเหล่านี้เองจะไปถูกับผิวของรถเราและจะทำให้รถของเราเป็นรอยได้

2. ล้างรถโดยทันที

            หลังขับรถตากฝนมาแล้วถ้าเป็นไปได้ควรรีบล้างรถโดยทันที เพื่อไม่ให้คราบน้ำหรือคราบโคลนต่างๆนั้นแห้งติดสีรถ เพราะจะทำให้สีรถเสื่อมสภาพได้ และหลังจากล้างรถแล้วควรเคลือบสีรถด้วย จะทำให้น้ำไม่เกาะผิวรถ หากต้องขับตากฝนครั้งต่อไป รวมทั้งหากต้องจอดรถในบริเวณที่โล่งไม่มีหลังคากันแดดหรือกันฝน ก็ควรใช้ผ้าคลุมรถไว้ด้วย โดยเป็นผ้าคลุมรถที่กันได้ทั้งแดดทั้งฝน เพื่อว่าเวลาฝนตกจะได้ไม่ต้องมาล้างรถอีกรอบ

3. เช็คระบบต่างๆในรถหลังจากขับลุยน้ำ

            ตอนที่ขับรถผ่านฝนและได้ลุยน้ำท่วมที่สูงบ้างในบางจุด ควรจะเช็คระบบต่างๆภายในรถด้วย โดยเฉพาะระบบกรองอากาศที่ควรจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษในช่วงที่ขับลุยฝน เพราะกรองอากาศนั้นจะเป็นตัวที่กรองอากาศและเศษต่างๆที่มากับฝน ดังนั้นสิ่งนี้จึงควรได้รับการใส่ใจเป็นพิเศษในช่วงที่ต้องใช้รถและขับผ่านฝนบ่อยๆ นอกจากนี้แล้วระบบน้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่องต่างๆ ก็ควรตรวจเช็คด้วย เพราะหากมีน้ำรั่วเข้าไปผสมก็เป็นปัญหาใหญ่ ต้องรีบนำรถเข้าตรวจเช็คละหาทางแก้ไขต่อไป

4. ตรวจสอบการทำงานของไดสตาร์ท

            ไดสตาร์ทเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยหากการสตาร์ทเครื่องยนต์แต่ละครั้งใช้เวลานานขึ้น หรือสตาร์ทยากขึ้นแล้วนั้น ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีน้ำเข้าไปในไดสตาร์ท และวิธิแก้ไขก็เพียงแค่ถอดไดสตาร์ทออกมาทำความสะอาดก็เรียบร้อย แต่ถ้าไม่ก็อาจจะเป็นเพราะปัญหาอื่นซึ่งต้องนำรถเข้าไปเช็คให้ละเอียดอีกที

ข้อมูล: https://www.moneyguru.co.th/

 2005
ผู้เข้าชม

gps

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์